ชลบุรี-ผู้ว่า ททท.เร่งถกผู้ประกอบการ ท้องถิ่น เอกชน ตัวแทนภาครัฐพื้นที่พัทยา หาข้อมูลเสนอ รมต.ทท.กรณีแผนขยายเวลาธุรกิจภาคกลางคืนเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นตี 4
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=VpfwA3WPy_c[/embedyt]
หวังกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ก่อนแจงนายกรัฐมนตรีขอความเห็นชอบ เอกชนดีด๊าขอจัดทำ T-Zone รับปากคุมเข้มกฎเหล็กจัดระเบียบสังคม นำร่อง “วอล์คกิ้งสตรีท” ระบุเกิดประโยชน์หลังซบเซารายได้ตกวูบกว่า 20 % จากหลายปัจจัย แต่ยังหวั่นปัญหาสังคม ภาพลักษณ์ส่งเสริมอบายมุข
วันนี้ (24 ส.ค.) ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมร่วมกับ เมืองพัทยา ผู้ประกอบการภาคธุรกิจการท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พัทยา ตำรวจท่องเที่ยว ตม.ชลบุรี สมาคมภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว
เพื่อร่วมหารือและรับฟังความคิดเห็น กรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามนโยบายในการขยายเวลาธุรกิจภาคกลางคืนเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการบันเทิงและการท่องเที่ยว โดยการขยายเวลาตามกฎหมายจากปิดเวลา 02.00 น.เป็น 04.00 น.ในเฉพาะพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ด้วยมุ่งหวังในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้เพิ่มากขึ้น หลังประสบปัญหาหลายด้นจนทำให้ภาคธุรกิจด้านการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ มีภาวะถดถอยลงตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังปี 2561
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่าประเทศไทยประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจจากหลายปัจจัย รวมทั้งเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งตัว เศรษฐกิจโลก และความหลากหลายด้านการท่องเที่ยวที่มีการแข่งขันกันสูงขึ้น ซึ่งแม้ยอดตัวเลขนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นแต่รายได้รวมยังคงไม่ตรงกับเป้าหมาย ทางกระทรวงฯจึงมีนโยบายที่จะนำเสนอรัฐบาลเกี่ยวกับการขยายเวลาธุรกิจภาคกลางคืนเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยว โยหวังว่าจะเป็นแรงผลักดันและกระตุ้นให้มีรายได้เพิ่ม ขึ้น จากการขยายเวลาปิดธุรกิจกลางคืนจาก 02.00 น.เป็น 04.00 น.โดยจะเน้นไปยังเมืองท่องเที่ยวหลัก อย่าง พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ พังงา เป็นต้น
โดยจะมาเข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นว่ามีความเหมาะ สม สร้างรายได้หรือส่งผลกระทบด้านในบ้าง เนื่อง จากเป็นมาตรการที่จะช่วยส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวให้มีรายได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามการประชุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกเพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปรายงานตรงต่อ รมต.ทท. เพื่อนำเสนอ ครม.ในวันอังคารนี้เพื่อขอรับความเห็นชอบ อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าว้องดูว่าควรมีหลักเกณฑ์อย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ จะจำกัดพื้นที่ในการจัดทำ Zoning เป็นการเฉพาะอย่างไร ที่สำคัญต้องคำนึงถึงกระแสของสังคมที่ระบุว่ามาตรการดังกล่าวอาจเข้าข่ายการส่งเสริมอบายมุข เรื่องของอุบัติเหตุ ยาเสพติด และเรื่องของเยาวชน จึงต้องมารับฟังเพื่อให้ได้รับทราบข้อเท็จจริงก่อนไปนำเสนอ
ทั้งนี้ในส่วนของภาคธุรกิจท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ ส่วนใหญ่ในที่ประชุมระบุว่าจากปัจจัยที่เกิดขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีรายได้ลดลงจากการท่องเที่ยวกว่า 20 % จึงเห็นด้วยกัยมาตรการดังกล่าว เนื่องจากจะทำให้สถานการณ์การท่องเที่ยวดีขึ้น แต่ขอให้ดำเนินการในการจัดทำเป็นพื้นที่เฉพาะหรือโซนนิ่ง อย่างพื้น ที่ใน วอล์คกิ้งสตรีท ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของพัทยา แต่ประสพปัญหาความซบเซามานาน เนื่อง จากหลายปัจจัย โดยการจัดทเป็น T-Zone หรือ Tourism Zoning แต่จะต้องเพิ่มความเข้นข้นในด้านมาตร การจัดระเบียบสังคม
ทั้งการปิดให้ตรงเวลา การดูแลด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างจริงจัง รวม ทั้งพื้นที่นอก Zoning ด้วย ซึ่งหากมีการจัดทำและดำเนินการเป็น Pattaya Model คาดว่าจะทำให้เศรษฐ กิจด้านการท่องเที่ยวดีขึ้นกว่า 20 % แต่คงต้องแก้ปัญหาเรื่องกระแสสังคมและภาพลักษณ์ด้วย เนื่องจากปัจจุบนมีการมองต่อกระแสดังกล่าวว่าเป็นการส่งเสริมอบายมุข สุ่มเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ปัญหาเรื่องการค่ามนุษย์ และเยาวชน
อย่างไรก็ตามมีการเสนอให้มีการกำหนดพื้นที่ที่ชัดเจน และรวบรวมผู้เห็นด้วยในสัดส่วนร้อยละ 80 รวมทั้งข้อดี-ข้อเสีย และประโยชน์จากการจัดทำเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลในการพิจารณาต่อไป…
ภาพข่าว/สมชาย โคตล่ามแขก /รายงาน